การเลี้ยงไก่ไข่ ผสมผสาานกับ การเลี้ยงปลา

การเลี้ยงไก่ไข่ ผสมผสาานกับ การเลี้ยงปลา

การประกอบอาชีพการเกษตรในลักษณะการเกษตรผสมผสาน เช่น การเลี้ยงไข่ไก่ผสมผสานกับการเลี้ยงปลาจะเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพที่จะช่วยให้เกษตรกรลดความเสี่ยง ต่อการขาดทุนจากอาชีพใดอาชีพหนึ่ง เนื่องจากแต่ละกิจกรรมจะพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน สามารถทำให้เกิดรายได้หมุนเวียนต่อเนื่องตลอดปี และทำให้ใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ในด้านการผลิต

เงื่อนไขควาวมสำเร็จ
เกษตรกรจะต้องมีแหล่งน้ำสำหรับเลี้ยงปลา มีแหล่งวัตถุดิบที่จะใช้เป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่อย่างเพียงพอและมีราคาถูก มีแรงงานและเงินทุนหมุนเวียนสำหรับใช้ในการเลี้ยงอย่างเพียงพอ รวมทั้งต้องมีตลาดรองรับผลผลิตของทั้งสองกิจกรรมอย่างชัดเจน

เทคโนโลยีและกระบวนการผลิต

1. พันธุ์สัตว์
พันธุ์ไก่ไข่ เกษตรกรสามารถหาพันธุ์แท้ อาทิ พันธุ์โรดไอแลนด์ บาร์พลีมัทร็อค โดยต้องหาซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้เป็นพันธุ์ดีให้ไข่ฟองโต ไข่ดก สีเปลือกตรงตามความต้องการของตลาด หรือจะใช้พันธุ์ไก่ไข่ที่ผลิตทางการค้า และมีจำหน่ายทั่วไป สำหรับพันธุ์ปลาที่ใช้ควรเป็นปลากินพืช ได้แก่ ปลานิล หรือปลานิลร่วมกับปลาสวาย

2. โรงเรือนและอุปกรณ์
โรงเรือนสำหรับขนาด 20–100 ตารางเมตร จะได้ไก่ไข่ประมาณ 200–300 ตัวบนบ่อปลาขนาดพื้นที่ 1 ไร่ซึ่งจะเลี้ยงปลานิลได้ 3,000 – 4,000 ตัว โรงเรือนไก่ไข่ต้องสามารถป้องกันแดด ฝน และ ลมโกรกพื้นเล้าควรสูงจากระดับน้ำ 1 – 1.5 เมตร และมีช่องให้มูลไก่หล่นลงในบ่อได้ ภายในโรงเรือนต้องมีอุปกรณ์ให้น้ำและให้อาหารอย่างเพียงพอ 4 – 5 ถังต่อไก่ 100 ตัวและต้องมีรังไข่ 1 รังต่อให้ไข่ 4 ตัว ในกรณีที่เลี้ยงแบบกรงตับสำหรับเลี้ยงไก่ไข่

3. การจัดการเลี้ยงดู
ควรเริ่มด้วยการนำไก่สาว ขนาดอายุ 18 – 20 สัปดาห์ มาเลี้ยงในคอกบนบ่อปลาซึ่งปล่อยปลากินพืช อาทิ ปลานิลขนาด 3 – 5 เซนติเมตร โดยนำไก่มาเลี้ยงหลังการเตรียมบ่อและมีน้ำสีเขียวแล้ว การให้อาหารไก่ไข่จะใช้อาหารสำเร็จรูปที่มีจำหน่ายทั่วไป หรืออาจลดต้นทุนด้วยการผสมอาหารใช้เองจากวัตถุดิบที่มีในท้องถิ่น โดยอาหารที่ให้ต้องมีโภชนะตามที่ไก่แต่ละระยะต้องการ และต้องให้อาหารเพียงพอและสม่ำเสมอ ไก่ไข่จะกินอาหารประมาณ 120 กรัม/ตัว/วัน และต้องมีน้ำสะอาดให้กินตลอดเวลา ส่วนอาหารปลานั้น โดยหลักการผสมผสานปลาจะอาศัยมูลไก่ และเศษอาหารที่ตกหล่นลงในบ่อรวมทั้งอาหารตามธรรมชาติในบ่อ เช่น แพลงก์ตอน ตะไคร่น้ำ และแมลงต่างๆในระยะที่ปลายังเล็กอยู่อาจต้องมีการเสริมอาหารข้นบ้าง เพื่อช่วยให้ลูกปลาแข็งแรง ไก่ไข่จะเริ่มให้ไข่อายุประมาณ 22 สัปดาห์ใน 1 ปี แม่ไก่สามารถให้ไก่ไข่ได้ ประมาณ 250 – 280 ฟอง/ตัว/ปี และจะปลดระวางไก่ไข่หลังจากเริ่มไข่แล้วประมาณ 1 ปี หรือเมื่อให้ผลผลิตต่ำกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของฝูงส่วนการจับปลาจำหน่ายจะเริ่มคัดปลาที่มีขนาดใหญ่ออกจำหน่าย เมื่อมีอายุได้ประมาณ 4 – 5 เดือนต่อไป

4. การควบคุมและป้องกันโรค
สำหรับไก่ไข่ต้องได้รับวัคซีนป้องกันโรคระบาดที่สำคัญตามโปรแกรมที่กำหนดได้แก่ วัคซีนป้องกันโรคนิวคาสเซิล โรคหลอดลมอักเสบ โรคอหิวาต์และโรคฝีดาษ

ต้นทุนและผลตอบแทน
สำหรับไก่สาวจำนวน 300 ตัว ในโรงเรือนขนาด 100 ตารางเมตร บนบ่อเลี้ยงปลานิล ที่มีพื้นที่ 1 ไร่และปล่อยปลานิล จำนวน 4,000 ตัว

1. ต้นทุน
จะเกิดจากค่าโรงเรือน อุปกรณ์ ค่าพันธุ์ไก่ไข่และปลานิล ค่าอาหาร ค่าวัคซีน
และเวชภัณฑ์รวมมีต้นทุนประมาณ 180,000 – 190,000 บาท ต้นทุนนี้จะลดลง
ในการเลี้ยงปีต่อๆไป เนื่องจากไม่ต้องลงทุนในเรื่องโรงเรือน และอุปกรณ์อีก

2. ผลตอบแทน จะได้จาก
1) การจำหน่ายไก่ไข่จำนวน 250 – 300 ฟองต่อตัวต่อปี จำหน่ายในราคาฟองละ 1.80 บาท คิดเป็นเงินประมาณ 12,500 –15,000 บาท

2) การจำหน่ายไก่ปลดระวาง จำนวน ประมาณ 250 – 300 ตัว ในราคาตัวละ 50 บาท คิดเป็นเงินประมาณ 12,500 – 15,000 บาท

3) การจำหน่ายปลา จำนวนประมาณ 1,200 กิโลกรัม ในราคากิโลกรัมละ 30 บาท คิดเป็นเงิน 36,000 บาท

อย่างไรก็ตามต้นทุนและผลตอบแทนดังกล่าว จะเปลี่ยนแปลงไปตามแหล่งที่เลี้ยงสภาวะการตลาด และขนาดของการผลิต โดยเฉพาะราคาพันธุ์สัตว์ อาหารสัตว์ และราคารับซื้อผลผลิตที่แตกต่างกัน ดังนั้น ก่อนการตัดสินใจเลือกเลี้ยงเกษตรกรจะต้องศึกษาข้อมูล และรายละเอียดให้ชัดเจนเสียก่อน

บทความที่เกี่ยวข้อง